รสชาติที่ใช่! ไวน์แดงแบบไหนที่น่าดื่มฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่

อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลปีใหม่แล้ว สำหรับสายดื่มที่กำลังมองหาไวน์แดงดีๆ สักขวดไว้เปิดฉลองในคืนวันเคาท์ดาวน์กับครอบครัว กลุ่มเพื่อน หรือคนรัก ต้องห้ามพลาดวิธีเลือกไวน์แดงให้ถูกใจ เอาไว้จิบฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่แบบมือโปร

ทำไม “ไวน์แดง” ถึงนิยมนำมาเปิดดื่มทุกเทศกาลเฉลิมฉลอง

ไวน์แดงไม่ได้เป็นแค่เครื่องดื่มที่เหมาะกับทุกระดับ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการมาถึงของโอกาสพิเศษ ด้วยรสชาติที่สามารถเข้ากับอาหารที่หลากหลายได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยกลิ่นหอมหวานจากองุ่นนานาพันธุ์ สีสันสวยงามและยังสื่อถึงความโชคดี ไม่ว่าจะเป็นนักดื่มมือใหม่ หรือนักดื่มตัวยงก็ดื่มได้อย่างไหลลื่นในบรรยากาศชิลๆ ซึ่งนี่เป็นคำตอบว่าทำไมไวน์แดงถึงกลายมาเป็นเครื่องดื่มที่ใครๆ ก็นึกถึงในวันที่ต้องการเฉลิมฉลอง

เลือกไวน์แดงให้ถูกใจ ดื่มได้แบบเพลินๆ

สำหรับใครที่กำลังมองหาไวน์แดงที่ใช่ เพื่อมาเปิดดื่มฉลองต้อนรับปีใหม่ สามารถเลือกได้ตามรสนิยมและความชอบจากสายพันธุ์องุ่นที่นำมาผลิตได้เลย โดยแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. Cabernet Sauvignon – ราชาแห่งไวน์แดง

เป็นสายพันธุ์องุ่นไวน์แดงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบไวน์รสชาติเข้มข้นและมีเอกลักษณ์โดดเด่น ไวน์จากสายพันธุ์นี้ค่อนข้างฝาดเพราะมีแทนนินสูง แต่ก็มีรสสัมผัสของแบล็กเคอร์แรนท์ เชอร์รีดำ พร้อมกลิ่นเครื่องเทศ วานิลลา และพริกไทยเขียวผสมอยู่ด้วย โดยไวน์แดงชนิดนี้เข้ากันได้ดีกับอาหารพวกเนื้อแดงย่าง สเต็ก หรืออาหารรสจัด

2. Merlot – สัมผัสนุ่มนวล

องุ่นสายพันธ์ุนี้เป็นมิตร เข้าถึงง่าย ด้วยรสชาติที่นุ่มละมุนลิ้นจากกลิ่นอายของพลัม เชอร์รี สมุนไพร และมิ้นต์ เหมาะอย่างมากกับคนที่เริ่มต้นดื่มไวน์ และยังเข้ากับหลากหลายเมนู ตั้งแต่ไก่ เนื้อสัตว์ ไปจนถึงอาหารที่มีชีสเข้มข้น 

3. Pinot Noir – เสน่ห์ที่น่าค้นหา

สายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและมีเสน่ห์ เพราะมีกลิ่นและรสชาติซับซ้อนจากผลไม้และเครื่องเทศ อย่าง สตรอว์เบอร์รี แครนเบอร์รี ดิน เห็ด และโคล่า สัมผัสจะเบากว่าไวน์แดงทั่วไปแต่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ เข้าได้ดีกับเมนูปลาแซลมอน เป็ดย่าง หรืออาหารที่ใช้เห็ดเป็นส่วนผสม

4. Syrah/Shiraz – เข้มข้น มีมิติ

  สายพันธุ์เดียวกันแต่มีชื่อเรียกต่างกันตามภูมิภาค (Syrah ในฝรั่งเศส, Shiraz ในออสเตรเลีย) โดยไวน์จะมีสีเข้ม และมีความเผ็ดร้อน จากรสสัมผัสของบลูเบอร์รี พลัม ยาสูบ เนื้อหมัก พริกไทยดำ และกลิ่นดอกไวโอเล็ต เข้ากันได้อย่างลงตัวกับเมนูเนื้อแกะ เนื้อย่าง และอาหารรมควัน

5. Malbec – คุณภาพดีในราคาที่คุ้มค่า

เป็นสายพันธุ์องุ่นที่โด่งดังในอาร์เจนตินา และกำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก ไวน์จากสายพันธุ์นี้มีความนุ่มเพราะแทนนินน้อย และมีความเข้มข้นจากผลไม้สีม่วงดำ เช่น พลัม แบล็กเบอร์รี เชอร์รีดำ เหมาะที่จะดื่มกับเมนูเนื้อไม่มีมันมาก หรือเนื้อย่าง

6. Zinfandel – หลากหลายแต่ลงตัว

เป็นสายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดจากโครเอเชีย แต่นิยมอย่างมากในอเมริกา เพราะเป็นสายพันธุ์ที่สามารถผลิตไวน์ได้ทั้งแบบสดชื่น เข้มข้น และเผ็ดร้อน โดยให้รสสัมผัสจากแยม พลัม พริกไทยดำ และชะเอม ช่วยชูโรงอาหารรสชาติเผ็ดได้ค่อนข้างดี

7. Grenache – สายพันธุ์ดาวรุ่ง

เป็นสายพันธุ์องุ่นแดงที่ได้รับความนิยมสูงทั่วโลก มักปลูกในฝรั่งเศสและสเปน ไวน์จากสายพันธุ์นี้มีแอลกอฮอล์ค่อนข้างสูง หอมหวาน และมีรสผลไม้สีแดงสุกชัดเจน พร้อมกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ ช่วยให้ดื่มง่าย มือใหม่ดื่มได้

8. Tempranillo –  เมล็ดพันธุ์ของคนสเปน

เป็นองุ่นแดงที่ปลูกกันมากที่สุดในสเปน มักใช้ผลิตในไวน์ที่มีชื่อเสียง อย่าง Rioja มีโครงสร้างดี สามารถบ่มในถังไม้โอ๊คได้นาน และมีกลิ่นดินที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น แนะนำสำหรับคนที่ชอบไวน์รสชาติลึกและซับซ้อน

9. Sangiovese – หัวใจของอิตาลี

เป็นหนึ่งในสายพันธุ์องุ่นแดงที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รักของอิตาลี ส่วนใหญ่ใช้เป็นฐานของไวน์ Chianti มีรสสัมผัสของเชอร์รีที่เปรี้ยวเล็กน้อย พร้อมกลิ่นยาสูบ พริกไทยคั่ว และสมุนไพร เข้ากันได้อย่างลงตัวกับเมนูพาสต้า พิซซ่า และอาหารที่มีมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบ

เก็บไวน์ที่เปิดแล้ว แต่ดื่มไม่หมดอย่างไรดี

หลังจบปาร์ตี้ ไวน์ที่เปิดขวดแล้วแต่ดื่มไม่หมด อย่าเก็บโดยไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง เพราะอาจทำให้ไวน์เสียรสชาติ หรือก๊อกแห้งจนเปิดดื่มครั้งต่อไปได้ยาก อยากเก็บไวน์ให้คงรสชาติดี และเปิดดื่มง่าย ทำตามนี้ได้เลย

  • ปิดจุกไม้ก๊อกหรือฝาให้แน่นสนิท หรือเลือกใช้จุกสูญญากาศแทนก็ได้
  • แช่ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิ 15-17℃ ส่วนไวน์แดงฟูลบอดี้ควรอยู่ที่ 17-20℃
  • เก็บไวน์โดยวางไว้ในแนวนอนเสมอ เพื่อไม่ให้สัมผัสกับจุกไม้ก๊อก
  • อย่าขยับ หรือย้ายขวดบ่อยๆ เพราะอาจทำให้มีตะกอน หรือรสชาติเปลี่ยนได้
  • ก่อนนำมาดื่มใหม่ให้พักอุณหภูมิไว้สักประมาณ 15-20 นาที 

วิธีเก็บไวน์ให้คงคุณภาพดีในสภาพอากาศเมืองไทย

สิ่งสำคัญในการเก็บไวน์ให้ได้รสชาติดีในสภาพอากาศที่ร้อนชื้น คือการเก็บในอุณหภูมิที่ถูกต้องและเหมาะสม ดังนี้

– เก็บไวน์ในอุณหภูมิที่คงที่ : ไวน์แต่ละชนิดจะเก็บรักษาแตกต่างกันออกไป แต่อย่างน้อยๆ ควรเก็บไวน์ที่อุณหภูมิระหว่าง 12-18 ℃ และไม่แนะนำให้วางในที่ร้อนสลับเย็นบ่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าที่ไทยยากที่จะเก็บไวน์ไว้ในอุณหภูมิคงที่ได้ตลอดเวลาถ้าไม่มีตู้เก็บไวน์ หรือห้องเก็บไวน์โดยเฉพาะ สำหรับคนไม่มีตู้เก็บไวน์ หรือห้องเก็บไวน์ ให้เลือกเก็บในมุมที่เย็นที่สุดของบ้าน หลีกเลี่ยงแสงแดดและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คายความร้อน

– เก็บไวน์ในความชื้นที่พอเหมาะ : ใช้เครื่องวัดความชื้น เพื่อตรวจเช็กความชื้นที่เหมาะสม โดยการเก็บไวน์ที่ดีควรอยู่ในความชื้น 60-70% ถ้าความชื้นต่ำเกินไป จุกก๊อกจะแห้ง ทำให้อากาศเข้าไปในขวดได้ เรื่องโชคดีคือเมืองไทยมีความชื้นสูงเลยไม่น่าห่วงมาก แต่ขณะเดียวกันก็ควรระวังเชื้อราที่อาจขึ้นฉลากและกล่องไวน์แทน

สำหรับเจ้าของบ้านสายดื่มที่ไม่ได้มีตู้เก็บไวน์ หรือห้องเก็บไวน์โดยเฉพาะ แต่อยากเก็บไวน์แบบมืออาชีพ เพื่อรักษารสชาติไวน์ให้ดีดังเดิม หรือสะสมไวน์ไว้ทำกำไรในอนาคต การเลือกเก็บไวน์ใน “ห้องเก็บไวน์ให้เช่า” ก็เป็นอีกทางเลือกที่นักสะสมไวน์นิยมใช้บริการ เนื่องจากไม่ต้องคอยกังวลเรื่องอุณหภูมิและความชื้น เพราะห้องเก็บไวน์ให้เช่ามีการเก็บรักษาที่ได้มาตรฐานและมีความปลอดภัยที่มั่นใจได้ 

แนะนำห้องเก็บไวน์ใจกลางกรุงเทพที่ตอบโจทย์คนชอบดื่มไวน์

สำหรับสาย Wine Lover ที่มีไวน์สะสม หรืออยากสต็อกไวน์คุณภาพไว้หลายขวดในที่เดียว ที่ LEO Self Storage ให้บริการ Wine Storage ห้องเก็บไวน์ให้เช่าใจกลางเมือง (พระราม 4 ใกล้แยกกล้วยน้ำไท) เดินทางสะดวก มีห้องเก็บไวน์ให้เลือกตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ รองรับได้สูงสุดกว่า 1,000 ขวด มาพร้อมความทันสมัยด้วยระบบ Smart Storage ที่เชื่อมต่อการสั่งการผ่านสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเข้า-ออก หรือเปิด-ปิดห้องเก็บไวน์ก็สามารถควบคุมง่ายๆ ได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง และยังมีชั้นวางไวน์มาตรฐานภายในห้อง รวมถึงสามารถ ตรวจเช็กอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ผ่านสมาร์ทโฟน เพื่อให้การจัดเก็บไวน์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดหากสนใจ LEO Wine Storage บริการห้องเก็บไวน์ให้เช่าจาก LEO Self Storage สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://leoselfstorage.com

Leave a Comment