‘อัปยอดขายออนไลน์ปี 2025’ ด้วย 5 เทรนด์อีคอมเมิร์ช ที่ช่วยให้กิจการคุณโตขึ้นไปอีกขั้น

ตลาด E-commerce ทั่วโลกคาดว่า จะเติบโตจาก 5.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2024 พุ่งไปสู่ 8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2027 ในมุมหนึ่งเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นความจำเป็นที่ต้องเร่งปรับตัว จากความเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยเฉพาะการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี AI ที่เข้ามามีบทบาทกับผู้คนอย่างมาก และส่งผลต่อวิธีการซื้อขายออนไลน์ด้วยเช่นกัน

คนที่เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงจะเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน สามารถเติบโต และเอาชนะคู่แข่งในตลาดได้ นั่นอาจหมายถึงยอดขายและกำไรที่มากขึ้นในปีนี้ ซึ่งจำเป็นต้องรู้ 5 เทรนด์หลักที่สำคัญ ต่อไปนี้

🟠 1. AI กำลังปฏิวัติประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์

AI กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของธุรกิจออนไลน์ในปี 2025 โดย Gartner คาดการณ์ว่า AI จะสร้างข้อมูลถึง 10% ในปี 2025 เพิ่มขึ้นจากปี 2021 ที่มีเพียง 1% ซึ่ง AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าแบบเรียลไทม์ แล้วนำเสนอสินค้าที่ตรงใจ ปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ตามความสนใจของผู้เข้าชม และเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาสินค้าให้แม่นยำยิ่

ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเริ่มต้นใช้ AI ได้โดยการเลือกแพลตฟอร์ม E-commerce ที่มีฟีเจอร์ AI ขั้นพื้นฐานมาให้ เช่น ระบบแนะนำสินค้า (Product Recommendation) หรือใช้เครื่องมือ AI สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูงนัก เช่น ร้านขายกระเป๋าออนไลน์ สามารถใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ว่าลูกค้าที่ซื้อกระเป๋าสะพายสีดำมักจะสนใจกระเป๋าใบอื่นแบบไหน แล้วนำเสนอสินค้าที่เหมาะสมได้ทันที เพิ่มโอกาสในการขายต่อยอดจากลูกค้าเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

🟠 2. Social Commerce การช้อปปิ้งและโซเชียลมีเดียหลอมรวมเป็นหนึ่ง

Social Commerce คาดว่าจะมีมูลค่ารวมถึง 6.2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 แพลตฟอร์มอย่าง Instagram, TikTok และ Pinterest กำลังพัฒนาให้ผู้ใช้สามารถค้นพบ สำรวจ และซื้อสินค้าได้โดยตรงผ่านฟีดโซเชียลมีเดีย โดยเน้นการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สมจริงและน่าสนใจผ่านอินฟลูเอนเซอร์และเนื้อหาที่สร้างโดยผู้ใช้ (User-Generated Content)
.ร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กสามารถใช้ประโยชน์จากเทรนด์นี้ ได้ด้วยการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและซื้อขายได้ทันที จัดไลฟ์สตรีมสินค้า และร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ท้องถิ่นที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน เช่น ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นรายเล็กสามารถร่วมงานกับบล็อกเกอร์แฟชั่นให้รีวิวสินค้าผ่าน TikTok พร้อมลิงก์ซื้อสินค้าที่แนบมากับวิดีโอ ทำให้ผู้ชมสามารถกดซื้อสินค้าได้ทันทีที่เห็นและสนใจ

🟠 3. เทคโนโลยี AR จะเปลี่ยนวิธีที่ลูกค้าชมสินค้าออนไลน์

Augmented Reality หรือ AR (เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม) กำลังช่วยแก้ปัญหาใหญ่ของการช้อปปิ้งออนไลน์ โดยตลาด AR ในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะเติบโตจาก 20 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 เป็น 723 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2034

ลองนึกภาพว่า ลูกค้าบางคนไม่สามารถเห็นหรือทดลองสินค้าก่อนซื้อได้ แต่เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพว่า เฟอร์นิเจอร์จะเข้ากับบ้านของพวกเขาอย่างไร แว่นตานี้เข้ากับใบหน้าหรือไม่ หรือแม้แต่การลองเปลี่ยนสีทาบ้าน โดยสามารถทำสิ่งเหล่านี้ผ่านสมาร์ทโฟนของตนเองได้ง่ายๆ

ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเริ่มใช้เทคโนโลยี AR ได้ด้วยแอปพลิเคชันสำเร็จรูปที่มีให้ใช้งานอยู่แล้ว เช่น ร้านขายแว่นตาออนไลน์สามารถใช้แอปฯ ที่ให้ลูกค้าลองใส่แว่นเสมือนจริงผ่านกล้องหน้าของสมาร์ทโฟน หรือร้านขายเฟอร์นิเจอร์อาจใช้แอปฯ ที่ช่วยให้ลูกค้าวางโซฟาเสมือนจริงในห้องนั่งเล่นของตัวเองได้ การใช้ AR นอกจากจะสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจแล้ว ยังช่วยลดอัตราการคืนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

🟠 4. ความปลอดภัยของข้อมูล ปัจจัยชี้ขาดความเชื่อมั่นของลูกค้า

เมื่อ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในอุตสาหกรรม E-commerce ความกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย จากการสำรวจพบว่ากว่า 81% ของผู้บริโภคกังวลเกี่ยวกับวิธีที่ธุรกิจใช้ข้อมูลของพวกเขา และ 67% ไม่เข้าใจว่าบริษัทนำข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมไปทำอะไร ในปี 2025 ความโปร่งใสเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลจะไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจออนไลน์ทุกขนาด

ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ได้ด้วยการมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย ใช้ระบบการชำระเงินที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน และสื่อสารกับลูกค้าอย่างโปร่งใสเกี่ยวกับวิธีที่คุณเก็บและใช้ข้อมูลของพวกเขา เช่น ร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กอาจแจ้งลูกค้าอย่างชัดเจนว่าจะใช้ข้อมูลการซื้อของพวกเขาเพื่อแนะนำสินค้าที่เหมาะสมในอนาคต แต่จะไม่แบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลที่สาม การสร้างความไว้วางใจในด้านนี้จะกลายเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญ

🟠 5. การจัดการซัพพลายเชนและโลจิสติกส์อย่างชาญฉลาด

E-commerce ในปี 2025 จะพึ่งพานวัตกรรมซัพพลายเชนอย่างมาก เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีอย่าง AI, ระบบอัตโนมัติ กำลังทำให้กระบวนการโลจิสติกส์เร็วขึ้น แม่นยำมากขึ้น และยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งตลาดการจัดส่งพัสดุด้วยโดรนที่เป็นการขนส่งแห่งอนาคตคาดว่าจะเติบโตจาก 2.1 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ เป็น 38.5 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2034
.แม้ผู้ประกอบการรายย่อยจะมีข้อจำกัดในการลงทุนในเทคโนโลยีระดับสูงนี้ แต่ก็สามารถปรับปรุงการจัดการซัพพลายเชนได้ด้วยการจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการร่วมมือกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่เชื่อถือได้ รวมถึงการใช้บริการคลังสินค้าแบบยืดหยุ่นเพื่อตอบโจทย์กับกิจการของตนเองในแต่ละช่วงเวลา เช่น บางช่วงเวลาต้องการพื้นที่จัดเก็บสินค้าจำนวนมากขึ้น เพื่อรับกับเทศกาล เป็นต้น นั่นหมายถึง พื้นที่จัดเก็บสินค้าที่ยืดหยุ่นตามความต้องการ

การจัดการพื้นที่เก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นตามความต้องการ เป็นฐานสำคัญในการปรับตัวตามเทรนด์ E-commerce ข้างต้น บริการห้องเก็บของมาตรฐานระดับโลกอย่าง LEO Self Storage สามารถเป็นพันธมิตรที่ช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ขนาดเล็กของคุณรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยพื้นที่จัดเก็บสินค้าที่หลากหลายขนาด ตั้งแต่ 1-30 ตารางเมตร ทั้งยังปลอดภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเริ่มต้น 3 สาขา พระราม 4, ไชน่าทาวน์ และพระราม 3 สัญญาเช่ายืดหยุ่น เริ่มต้น 1 เดือน

อ้างอิง:
E-commerce trends 2025: Top 10 insights and stats driving online shopping as AI goes mainstream
https://www.the-future-of-commerce.com/2024/12/04/e-commerce-trends-2025/

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *