บ้านเล็กในเมืองใหญ่ ‘เทรนด์ใหม่ของที่อยู่อาศัย ที่เล็กลง ใช้พื้นที่น้อยลง

เมื่อความเจริญเข้ามา มนุษย์จึงต้องปรับตัว…

เมื่อความเจริญและการเติบโตของเมืองขยายตัวออกไป มนุษย์จึงเริ่มปรับตัวเพื่อให้เข้ากับพื้นที่ที่มีจำกัดในเมืองใหญ่ จนเกิดเป็นเทรนด์ที่เรียกว่า Tiny House หรือ “บ้านเล็ก” ซึ่งแปลตรงตัวได้ว่าเป็นบ้านขนาดเล็กที่ใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์วิถีชีวิตในปัจจุบัน

การเกิดขึ้นของเทรนด์ Tiny House?
เทรนด์บ้านเล็กเริ่มเป็นที่สนใจตั้งแต่ช่วงปี 2000 โดยได้รับแรงกระตุ้นจากกลุ่มผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายและหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้สินระยะยาวที่เกิดจากการซื้อบ้านขนาดใหญ่ ความสนใจใน Tiny House เพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2008 ที่ทำให้ผู้คนต้องมองหาทางเลือกที่อยู่อาศัยที่ราคาถูกลงและเรียบง่ายขึ้น
จากรายงานของ BBC ระบุว่า Tiny House กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย สะท้อนถึงวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปและความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืนกว่าเดิม


3 ปัจจัยที่ขับเคลื่อน Tiny House
1. เศรษฐกิจ
ในหลายประเทศ การเติบโตของราคาที่อยู่อาศัยและค่าครองชีพที่สูงขึ้นกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้คนหันมามองหา Tiny House กันมากขึ้น โดยข้อมูลจาก SCB EIC ระบุว่า ในประเทศไทย ราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพิ่มสูงขึ้นกว่า 50% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนส่วนใหญ่กลับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เลือกบ้านที่ราคาจับต้องได้มากขึ้น เช่น คอนโดขนาดเล็ก หรือบ้านที่ใช้พื้นที่น้อยลง

2. ความยั่งยืน
วิถีชีวิตที่คำนึงถึงความยั่งยืนและการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ บ้านเล็กใช้ทรัพยากรในการก่อสร้างน้อยกว่าและช่วยลดปริมาณขยะในระยะยาว ตัวอย่างเช่น บ้านเล็กหลายแห่งติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และใช้วัสดุรีไซเคิลในการก่อสร้าง

ข้อมูลจาก International Renewable Energy Agency (IRENA) ชี้ว่า ในปี 2023 กว่า 60% ของบ้านเล็กในสหรัฐฯ ติดตั้งระบบพลังงานทดแทนเพื่อลดการใช้ทรัพยากรฟอสซิล

3. ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป
ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างมีความหมายมากกว่าการสะสมสิ่งของ Tiny House จึงตอบโจทย์ผู้ที่มองหาชีวิตที่เรียบง่าย ข้อมูลจาก BBC ระบุว่า คนรุ่นใหม่กว่า 40% ในสหรัฐฯ ที่เลือก Tiny House เป็นกลุ่มที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มเวลาให้กับประสบการณ์ชีวิต เช่น การท่องเที่ยว หรือการทำงานที่ยืดหยุ่น

ตัวเลขสถิติ Tiny House ทั่วโลกที่น่าสนใจ
1. สหรัฐอเมริกา: มีการจดทะเบียน Tiny House มากกว่า 10,000 หลังในปี 2022 และตลาดบ้านเล็กเติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 7%
2. ออสเตรเลีย: ในปี 2023 กว่า 30% ของคนวัยทำงานพิจารณา Tiny House เป็นที่อยู่อาศัยถาวร
3. ประเทศไทย: จากรายงานของ SCB EIC พบว่าคนรุ่นใหม่สนใจคอนโดขนาดเล็กที่มีพื้นที่เฉลี่ย 28-35 ตร.ม. มากขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับทศวรรษก่อน

ถึงแม้ว่าเทนด์ของ Tiny House จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และมีข้อดี แต่ก็แลกมาด้วยข้อจำกัดบางอย่าง เช่น
ความสะดวกสบาย: การอยู่อาศัยในพื้นที่เล็กอาจไม่เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่หรือผู้ที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น
พื้นที่เก็บของ: พื้นที่ที่จำกัดอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีทรัพย์สินจำนวนมาก

ฉะนั้นการเช่าห้องเก็บของนอกสถานที่อาจเป็นตัวช่วยสำหรับจัดการข้าวของเครื่องใช้ภายในที่พักของเราได้เป็นอย่างดี และหากใครกำลังมองหาห้องเก็บของที่มีระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ LEO Self Storage ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถจัดเก็บอุปกรณ์หรือสิ่งของที่ไม่ใช้บ่อยได้อย่างสะดวก และง่ายต่อการนำเอาออกมาใช้งาน

สรุปแล้ว Tiny House อาจไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ระยะสั้น แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตและค่านิยมของผู้คนในยุคปัจจุบัน การเลือกใช้ชีวิตในพื้นที่เล็กแต่มีความสุขจึงกลายเป็นคำตอบของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทั้งความยั่งยืน ความเรียบง่าย และความคุ้มค่าในเวลาเดียวกัน

Source:

https://www.scbeic.com/th/detail/file/product/9097/gmdtu8ekrs/SCB-EIC_In-Focus_Real-estate-survey_RE_20230630.pdf
https://www.bbc.com/culture/article/20211215-why-the-tiny-house-movement-is-big

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *